จาก Zero Point ถึง Rift การเดินทางของจักรวาล Fortnite

Browse By

จาก Zero Point ถึง Rift การเดินทางของจักรวาล Fortnite ที่ไม่สิ้นสุด

บทนำ: เมื่อเกม Battle Royale กลายเป็นตำนานจักรวาล

การเดินทางของจักรวาล Fortnite ไม่ใช่เพียงเกมยิงเอาชีวิตรอด 100 คน แต่คือโลกที่ “ไม่มีวันหยุดเล่าเรื่อง”
จากการเปิดตัวในปี 2017 จนถึงปัจจุบัน เกมนี้ได้ขยายตัวจากสนามรบเล็ก ๆ สู่ “จักรวาลแห่งมิติคู่ขนาน” ที่เต็มไปด้วยพลังลึกลับ เหตุการณ์เหนือธรรมชาติ และการเดินทางของเวลา

และหัวใจของจักรวาลนี้คือสิ่งที่เรียกว่า Zero Point — พลังงานลึกลับที่เป็นต้นกำเนิดของทุกอย่างในโลก Fortnite ทั้งผู้เล่น เกาะ และเหตุการณ์ทุก Season

เมื่อเวลาผ่านไป Epic Games ได้ต่อยอดแนวคิดนี้ให้กว้างขึ้นผ่านระบบ Rift — ช่องทางข้ามมิติที่เชื่อมโลกหลายใบเข้าด้วยกัน นี่ไม่ใช่แค่การอัปเดตเกม แต่คือการสร้าง “ตำนานร่วมสมัย” ที่ผสานระหว่างวิทยาศาสตร์ จินตนาการ และเทคโนโลยี


บทที่ 1: จุดกำเนิดของ Zero Point การเดินทางของจักรวาล

เรื่องราวของ Zero Point เริ่มต้นใน Chapter 1 Season 5 (ปี 2018) เมื่อพลังลึกลับใต้เกาะกลางทะเลเริ่มแผ่รังสีออกมา ทำให้กาลเวลาและมิติเริ่มบิดเบี้ยว

นี่คือจุดเริ่มต้นของ “พลังศูนย์กลางจักรวาล” ที่เชื่อมทุกโลกเข้าด้วยกัน — ทั้งโลกอดีต โลกอนาคต และโลกของจักรวาลอื่น (เช่น Marvel, Star Wars, DC, และแม้แต่ LEGO)

ในช่วง Season นั้น ผู้เล่นเห็นวัตถุลึกลับอย่าง “Rift” ปรากฏบนท้องฟ้า มันคือรอยแตกของมิติที่ปล่อยวัตถุจากโลกอื่นเข้ามาในเกาะ เช่น รถโทรศัพท์ ป้ายยุค 80 และสิ่งของจากอีกเวลา

Epic Games ใช้เหตุการณ์นี้เป็นจุดเริ่มต้นของการเล่าเรื่องแบบใหม่ — ไม่ใช่เพียงอัปเดตเนื้อหา แต่ “อธิบาย” ทุกอย่างผ่านกลไกในเกม

“ตอนเห็นฟ้าผ่าเปิดเป็นรู ผมคิดว่าเป็นบั๊ก แต่พอรู้ว่ามันคือ Rift จริง ๆ ผมอึ้งเลย มันคือการบอกว่า Fortnite มีเรื่องราวที่ซ่อนอยู่”
Mick, ผู้เล่น Season 5


บทที่ 2: The Visitor และการปลุกพลัง Zero Point

ไม่นานหลังจากนั้น ตัวละครลึกลับชื่อ The Visitor ได้ปรากฏตัวจากภายใน Meteor ที่ตกลงเกาะใน Season 4 เขาคือหนึ่งในสมาชิกของกลุ่มลับที่ชื่อ The Seven ซึ่งพยายามปลดปล่อยโลกจากวงจรลูปของ Zero Point

เขาใช้พลังจากจรวดสร้าง “Rift” ขนาดใหญ่ในท้องฟ้า และนั่นคือครั้งแรกที่ผู้เล่นเห็นผลลัพธ์ของการเปิดช่องมิติในเกมจริง ๆ — ท้องฟ้าฉีกขาด แสงสีฟ้าพุ่งขึ้น และโลกเริ่ม “รั่ว” ระหว่างเวลา

Epic Games ตั้งใจออกแบบให้ผู้เล่นสัมผัสเหตุการณ์เหล่านี้แบบสด ๆ (Live Event) เพื่อให้รู้ว่า “ทุกสิ่งในเกมนี้มีเหตุผล”

Zero Point จึงไม่ใช่แค่จุดพลังงาน แต่คือ สิ่งมีชีวิตที่ตอบสนองต่อการกระทำของมนุษย์


บทที่ 3: Kevin the Cube – วิญญาณของ Zero Point

หลังจากจรวดเปิด Rift ครั้งแรก พลังของ Zero Point เริ่มไหลออกมาสู่พื้นดิน และสร้างลูกบาศก์สีม่วงที่แฟน ๆ เรียกว่า Kevin the Cube

Cube นี้เป็นสัญลักษณ์สำคัญของจักรวาล Fortnite — มันเคลื่อนไหวเอง สร้างพลังงานรอบเกาะ และสุดท้ายก็ระเบิดกลายเป็นผิวน้ำเรืองแสง

Epic Games ใช้ Kevin เพื่อแสดงให้เห็นว่า “พลังของ Zero Point มีชีวิต” และสามารถสร้างสิ่งใหม่ได้เอง
การเปลี่ยนสีของท้องฟ้า เสียงในแผนที่ และสนามพลังทั้งหมดคือส่วนหนึ่งของการ “เล่าเรื่องโดยไม่ใช้คำพูด”

“ผมยังจำตอน Kevin ระเบิดได้เลย ทั้งแมพกลายเป็นสีฟ้า มันเหมือนจบโลกแต่ก็เริ่มต้นใหม่ในเวลาเดียวกัน”
Tarn, ผู้เล่น Season 6


บทที่ 4: The End และการรีเซ็ตจักรวาล

ในปี 2019 (Season X) Zero Point ไม่สามารถควบคุมได้อีกต่อไป และได้ระเบิดกลางฟ้า เกิดเป็น “Black Hole Event” ที่ดูดทั้งโลกของ Fortnite หายไป

Epic Games ปิดเกมจริง ๆ เป็นเวลา 36 ชั่วโมง หน้าจอของผู้เล่นทั่วโลกเหลือเพียงหลุมดำหมุนวน — ไม่มีเมนู ไม่มีปุ่มเล่น นับเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่สร้างประวัติศาสตร์วงการเกม

นั่นคือการ “ตายและเกิดใหม่” ของ Fortnite สู่ Chapter 2 — โลกใหม่ที่เกิดจากพลังของ Zero Point ที่ฟื้นคืนชีพ

“ผมนั่งจ้องหลุมดำอยู่นานสองชั่วโมง มันแปลกนะ เกมยิงทั่วไปไม่ทำแบบนี้ แต่ Fortnite กล้าเล่าเรื่องด้วยความเงียบ”
Pat, Streamer Fortnite ไทย


บทที่ 5: The Loop และสงครามของสององค์กร

เมื่อโลกใหม่ถือกำเนิดขึ้น พลังของ Zero Point ยังคงควบคุมทุกสิ่ง — และนั่นคือที่มาของ “The Loop
ทุกครั้งที่ผู้เล่นเริ่มแมตช์ใหม่ พวกเขากำลังเข้าสู่วงจรเดิมซ้ำไปซ้ำมา ufabet เว็บตรงทางเข้า เล่นได้ทุกที่ เพราะติดอยู่ใน Loop ที่ Zero Point สร้างไว้

ในช่วง Chapter 2–3, สององค์กรใหญ่ปรากฏตัว:

  1. The Imagined Order (IO) — องค์กรที่พยายามควบคุม Loop และปกป้อง Zero Point เพื่อความสมดุล
  2. The Seven — กลุ่มต่อต้านที่ต้องการทำลาย Loop เพื่อปลดปล่อยผู้คน

สงครามระหว่าง IO และ The Seven กลายเป็นแกนหลักของเรื่องราวใน Fortnite และเป็นเหตุผลของการเปลี่ยนแผนที่และ Season ทุกครั้ง


บทที่ 6: Agent Jones และการแตกแขนงของจักรวาล

หนึ่งในตัวละครที่โดดเด่นที่สุดคือ Agent Jones (Jonesy) ซึ่งทำหน้าที่เป็น “สายลับ” ของ IO ก่อนจะทรยศและเข้าร่วม The Seven

เขาคือสัญลักษณ์ของมนุษย์ที่ “ตื่นรู้” จากวงจร และพยายามหยุดการทำลายล้างของ Zero Point

ช่วง Zero Crisis Finale (Chapter 2 Season 6) คือหนึ่งในอีเวนต์ที่ดีที่สุดของเกม ผู้เล่นต้องช่วย Jonesy และ The Foundation ปิดผนึก Zero Point ก่อนที่มันจะกลืนจักรวาลทั้งหมด

“ตอน Jonesy เรียก The Foundation ออกมา ผมรู้เลยว่ามันไม่ใช่เกมยิงธรรมดาอีกต่อไป มันคือหนังไซไฟที่เราได้เล่นจริง ๆ”
Nam, ผู้เล่นสายเนื้อเรื่อง


บทที่ 7: การขยายของ Rift – สะพานสู่ Multiverse

หลังจาก Zero Point ถูกปิดผนึก Epic Games เริ่มใช้ Rift เป็นเครื่องมือเล่าเรื่องหลัก

Rift กลายเป็น “ประตูสู่โลกอื่น” ที่ Epic ใช้สำหรับทุก Collaboration — เช่น

  • Rift เปิดมิติของ Marvel ใน Season 4 (Nexus War)
  • Rift เชื่อม Star Wars, DC, และแม้แต่โลกของ Anime เช่น Naruto, Attack on Titan
  • Rift ปรากฏในอีเวนต์ “Big Bang” ที่นำศิลปิน Eminem และ LEGO เข้ามาในจักรวาลเดียวกัน

Rift คือ “ตัวแทนของจินตนาการไร้ขอบเขต” ของ Epic Games — ช่องทางที่เปิดโลกของ Fortnite ให้กลายเป็น Multiverse ที่ใครก็สามารถมีส่วนร่วมได้


บทที่ 8: การตีความเชิงสัญลักษณ์ของ Zero Point และ Rift

ในเชิงสัญลักษณ์ Zero Point คือ “จุดเริ่มต้นของทุกสิ่ง” — เปรียบเหมือนพลังแห่งการสร้างในตำนาน (คล้าย Big Bang)
ขณะที่ Rift คือ “การขยายตัวของความคิดสร้างสรรค์” — การเปิดโลกใหม่ไม่รู้จบ

Fortnite จึงเป็นเกมที่ไม่ได้เล่าเรื่องแค่ในจักรวาลของมันเอง แต่สะท้อน “ความคิดสร้างสรรค์ของผู้เล่นทั่วโลก” ผ่านการเปิดประตูสู่มิติต่าง ๆ

Epic Games สื่อสารว่า “โลกของ Fortnite ไม่มีขอบเขต” — เพราะทุกคนคือส่วนหนึ่งของจักรวาลนั้น


บทที่ 9: การเชื่อมโยงกับโลกแห่งความเป็นจริง — จากเกมสู่ Metaverse

Fortnite ไม่ได้หยุดอยู่ที่ในเกมเท่านั้น แต่ได้ขยายการเล่าเรื่องสู่โลกจริงผ่านกิจกรรมต่าง ๆ เช่น

  • คอนเสิร์ต Travis Scott และ Eminem — ถูกเขียนให้อยู่ใน Timeline จริงของจักรวาล
  • Comic ร่วมกับ Marvel / DC ที่บอกเหตุการณ์ต่อจากในเกม
  • Creative Mode และ UEFN (Unreal Editor for Fortnite) ที่ให้ผู้เล่นสร้างโลกของตนเองภายใต้พลังของ Zero Point

Fortnite จึงเป็นตัวอย่างของ “Metaverse ที่มีเรื่องเล่าเป็นแก่น” — โลกดิจิทัลที่มีทั้งกฎแห่งฟิสิกส์และความรู้สึก


บทที่ 10: รีวิวจากผู้เล่นจริง

“ผมเล่น Fortnite มาตั้งแต่ Season 2 ตอนนี้รู้สึกว่าทุกครั้งที่เข้าสู่เกม มันคือการอ่านหนังสือเล่มใหม่ของจักรวาลนี้”
Bank, ผู้เล่นวัย 22 ปี

“Zero Point เหมือนจิตใจของเกม ส่วน Rift คือจินตนาการของผู้เล่น มันเชื่อมเรากับโลกอื่นโดยที่ไม่ต้องพูดคำเดียว”
Fern, ผู้เล่นสาย Lore Hunter

“ผมเคยพาเพื่อนที่ไม่เล่นเกมมาดู Event Big Bang แล้วเขาพูดว่า ‘นี่มันหนัง Sci-Fi ที่เล่นได้จริง’ นั่นแหละ Fortnite”
Tee, ผู้เล่นสาย Streamer


บทที่ 11: Fortnite และปรัชญาการออกแบบโลกเสมือน

Epic Games ไม่เพียงสร้างเกม แต่สร้าง “ระบบจักรวาล” ที่ทำให้ผู้เล่นรู้สึกว่าโลกนี้มีชีวิตจริง ๆ

  • Zero Point = ศูนย์กลางของการเปลี่ยนแปลง
  • Rift = ช่องทางของจินตนาการ
  • The Loop = วงจรของมนุษย์ที่ต้องเรียนรู้และหลุดพ้น

เมื่อรวมทั้งหมดเข้าด้วยกัน Fortnite จึงกลายเป็นเรื่องราวของ “การเดินทางแห่งจิตสำนึก” — จากการต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอด สู่การเข้าใจความหมายของการสร้างโลก


บทที่ 12: การเปรียบเทียบกับระบบดิจิทัลยุคใหม่ — Fortnite และ คาสิโน ufabet เว็บตรง ครบทุกเกมเดิมพัน

สิ่งที่น่าสนใจคือ แนวคิดของ Fortnite ในการสร้าง “โลกต่อเนื่องไม่หยุดนิ่ง” มีความคล้ายกับระบบบริการดิจิทัลสมัยใหม่อย่าง ยูฟ่าเบท

  • ufabet บอลชุดออนไลน์ ราคาดีที่สุด ใช้ระบบ ออโต้ ที่ทำงานรวดเร็วต่อเนื่อง เหมือนกับการอัปเดตของ Fortnite ที่เกิดแบบเรียลไทม์โดยไม่ต้องรีสตาร์ต
  • ระบบ ฝากถอนไว ของยูฟ่าเบท เปรียบเสมือนการ “รีโหลดพลังงาน Zero Point” ที่ตอบสนองทันทีทุกครั้งที่ผู้เล่นต้องการ
  • และด้วย บริการตลอด 24 ชั่วโมง, ยูฟ่าเบท แสดงให้เห็นแนวคิดเดียวกับ Epic — โลกออนไลน์ไม่เคยหลับ และทุกวินาทีคือโอกาสของผู้ใช้

ยูฟ่าเบท จึงเป็นภาพสะท้อนของเทคโนโลยีที่ “ลื่นไหลและต่อเนื่อง” เหมือนกับ Fortnite ที่ไม่เคยหยุดพัฒนา ทั้งคู่ยืนอยู่บนหลักเดียวกัน — ความเร็ว ความเชื่อมโยง และประสบการณ์ที่ไม่มีวันหยุด


บทที่ 13: วิเคราะห์เชิงโครงสร้าง – ทำไม Zero Point และ Rift ถึงยั่งยืน

องค์ประกอบหน้าที่ในเรื่องผลกระทบต่อผู้เล่น
Zero Pointแหล่งพลังจักรวาล / หัวใจของเกมเป็นเหตุผลของทุกการเปลี่ยนแปลงในแมพ
Riftช่องมิติข้ามโลกสร้างความตื่นเต้นและเปิดสู่ Collaboration ใหม่
The Loopวงจรแห่งการต่อสู้อธิบายระบบ Battle Royale ได้อย่างมีเรื่องราว
The Seven vs IOความขัดแย้งหลักของจักรวาลทำให้ผู้เล่นรู้สึกมี “เป้าหมายร่วม” ในการต่อสู้
Event สดกลไกเล่าเรื่องแบบอินเทอร์แอ็กทีฟเปลี่ยนเกมให้กลายเป็นภาพยนตร์แบบมีผู้เล่นเป็นนักแสดง

Fortnite จึงกลายเป็นหนึ่งใน “เกมที่มีโครงสร้างเล่าเรื่องดีที่สุดในประวัติศาสตร์” เพราะทุกระบบในเกม — จากอาวุธ แมพ ไปจนถึงผู้เล่น — ล้วนเป็น “ส่วนหนึ่งของเรื่อง”


บทที่ 14: อนาคตของ Zero Point และการเดินทางของ Rift

แม้ตอนนี้ Chapter 5 จะเป็นยุคใหม่ของ Fortnite แต่ Epic ยืนยันแล้วว่า Zero Point ยังคงมีอยู่ใต้โลกใหม่ และ Rift ยังคงเปิดได้ไม่จำกัด

ผู้เล่นอาจได้เห็นการเดินทางไปยัง “โลกคู่ขนานถาวร” หรือแม้แต่ “การย้อนเวลา” สู่ Chapter แรกอีกครั้งในอนาคต

จักรวาล Fortnite ยังไม่สิ้นสุด เพราะมันถูกออกแบบให้ “ขยายได้ไม่มีขอบเขต” เหมือนจินตนาการของผู้เล่นนั่นเอง


บทสรุป: การเดินทางที่ไม่มีวันจบของ Fortnite

จาก Zero Point ที่จุดกำเนิดของทุกสิ่ง
ถึง Rift ที่เปิดทางสู่โลกใหม่ไม่รู้จบ

Fortnite ได้พิสูจน์แล้วว่าเกมสามารถเป็นมากกว่า “ความบันเทิง” — มันคือเรื่องเล่าแบบต่อเนื่อง ที่ผู้เล่นทั่วโลกมีส่วนร่วมในการเขียนตอนใหม่ทุกวัน

และตราบใดที่ Zero Point ยังเต้นอยู่ใต้เกาะ และ Rift ยังส่องแสงบนท้องฟ้า — การเดินทางของจักรวาล Fortnite จะยังดำเนินต่อไป ไม่มีสิ้นสุด